• เกษตรอินทรีย์ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

    วางระบบ เกษตรอินทรีย์ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในเชิงการค้า smart farmer ออร์แกนิค organic

    ข้อควรคำนึงสำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในเชิงการค้า การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์นั้นสามารถปลูกผักได้ทุกชนิด หากปลูกในเชิงการค้าจะต้องคำนึงถึง อายุการเก็บเกี่ยว เนื่องจากการปลูกด้วยวิธีนี้จะมีการลงทุนสูง ดังนั้นจึงควรเลือกผักที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น มีรอบการผลิตหลายรอบต่อปีจะช่วยลดต้นทุนได้ เช่น ผักสลัด หรือผักไทยที่มีอายุสั้น เช่น ผักบุ้ง ผักคะน้า ผักโขม ราคาผลผลิต ควรเลือกผักที่มีราคาสูง ขายได้ราคาดี เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตสูง จึงจำเป็นต้องเลือกผักที่มีราคาดีและตลาดมีความต้องการ แต่ในปัจจุบันได้มีการนำผักที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด เช่น ผักบุ้ง ผักคะน้า ผักกาดเขียวกวางตุ้ง มาปลูกระบบไฮโดรโปนิกส์มากขึ้น และนำมาขายภายใต้ผลิตภัณฑ์ผักปลอดภัยจากสารพิษ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ก็สามารถทำรายได้ดีอีกทางหนึ่ง ฤดูปลูก ช่วงฤดูฝนผักทั่วไปจะมีออกสู่ตลาดน้อย แต่สำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์สามารถผลิตได้ทุกฤดูกาล

  • เกษตรอินทรีย์ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

    วางระบบ เกษตรอินทรีย์ วัสดุ อุปกรณ์สำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ smart farmer ออร์แกนิค organic

    วัสดุ อุปกรณ์สำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ วัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์มีหลายชนิดขึ้นอยู่กับลักษณะของการปลูกซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ ควรมีราคาไม่สูงมากนัก แต่มีคุณภาพดีและหาซื้อได้สะดวก นอกจากนี้ ยังสามารถนำวัสดุสิ่งของเหลือใช้ต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ได้อีกด้วย ปกติแล้ววัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ประกอบด้วย โรงเรือนในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในเชิงการค้าจำเป็นต้องใช้โรงเรือนสำหรับเพาะกล้า อนุบาลต้นกล้า และปลูก ซึ่งรูปแบบของโรงเรือนต้องเหมาะสม มีความแข็งแรง สามารถควบคุมภูมิอากาศภายในโรงเรือนให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของผักที่ปลูก นอกจากนี้ โรงเรือนยังสามารถป้องกันศัตรูพืชได้ พื้นที่ตั้งโรงเรือนต้องมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมคือมีการถ่ายเทอากาศดี อยู่ในที่โล่งแจ้งมีการคมนาคมที่สะดวก มีแหล่งน้ำอย่างเพียงพอและมีไฟฟ้า แต่สำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในบริเวณบ้านนั้น ไม่จำเป็นต้องสร้างโรงเรือนขนาดใหญ่เนื่องจากเป็นการปลูกเพื่อไว้รับประทานกันเองภายในครอบครัว หรือเพื่อเป็นงานอดิเรกเท่านั้น เพียงแต่สร้างโครงมุ้งเพื่อป้องกันแมลงและการกระแทกของน้ำฝน ภาชนะและวัสดุที่ใช้ในการปลูก2.1 ภาชนะที่ใช้ในการปลูก ควรเป็นภาชนะที่เหมาะสมต่อระบบปลูกมีความแข็งแรง สะอาด และทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ผุกร่อน หรือไม่เป็นอันตรายต่อรากผักและสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ ควรมีราคาถูก หาซื้อได้ง่าย สะดวกต่อการติดตั้งและการใช้งาน2.2 วัสดุปลูก (Growing media) ต้องเป็นวัสดุที่เกี่ยวข้องกับการให้ออกซิเจน ธาตุอาหารและช่วยในการเจริญเติบโตของรากผัก ตลอดจนเป็นที่เกาะยึดค้ำยันต้นพืช ลักษณะของวัสดุปลูกที่ดี คือ เป็นที่เกาะยึดค้ำยันต้นผัก เป็นแหล่งสะสมน้ำและอาหาร และเป็นแหล่งที่ให้อากาศแก่ผัก ปุ๋ยหรือธาตุอาหารพืชจัดว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ เนื่องจากเป็นการจัดการในการให้ปุ๋ยเคมีต่าง ๆ เพื่อทดแทนธาตุอาหารที่มีอยู่ในดิน เพราะการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เป็นการให้ผักที่ปลูกได้รับสารอาหารพืช หรือสารละลายธาตุอาหารพืช(nutrient solution) ที่ได้จากการนำธาตุอาหาร (แม่ปุ๋ย) ผสมกับน้ำ น้ำน้ำที่ใช้ต้องมาจากแหล่งน้ำที่ดี มีคุณภาพดีและมีปริมาณเพียงพอต่อการปลูก ก่อนที่นำมาใช้ในการปลูกผัก ควรมีการนำตัวอย่างน้ำไปตรวจคุณภาพเสียก่อน ระบบไฟฟ้าระบบไฟฟ้าใช้เพื่อเป็นต้นกำลังของพลังงานที่ขาดไม่ได้ ควรมีระบบไฟสำรองสำหรับบางช่วงที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ปั๊มใช้สำหรับส่งและก่อให้เกิดการไหลเวียนของสารละลายธาตุอาหารพืชและให้ออกซิเจนแก่รากพืช เมล็ดพันธุ์ผัก หรือกล้าผักที่จะใช้ปลูกควรเลือกพันธุ์ที่ตลาดต้องการ ต้นกล้ามีความสำคัญต่อการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์มาก เนื่องจากทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตและตั้งตัวได้เร็ว เมล็ดพันธุ์ที่ดีต้องมีลักษณะตรงตามพันธุ์ มีเปอร์เช็นต์ความงอกสูง วัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมสารละลายธาตุอาหารพืช8.1 ถังใส่สารละลายธาตุอาหารพืช ขนาดของถังขึ้นอยู่กับระบบของการปลูกเพื่อกักเก็บสารละลายธาตุอาหารให้เพียงพอ โดยทั่วไปจะฝังถังใส่สารละลายธาตุอาหารพืชไว้ใต้ดิน เพื่อลดอุณหภูมิของสารละลายและช่วยลดการระเหยของสารละลายได้อีกด้วย8.2 ถุงมือ เพื่อใช้ในการเตรียม รักษาหรือควบคุมค่าความเป็นกรดด่าง(pH) เนื่องจากการปรับค่าความเป็นกรดด่างของสารละลายบางครั้งต้องใช้กรดเป็นตัวปรับเมื่อสารละลายมีความเป็นด่างมากเกิน8.3 เครื่องชั่ง วัด ตวง ใช้ตวงปริมาณปุ๋ยหรือสารอาหารที่ใช้ในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ วัสดุผูกมัดหรือรองรับต้นผักกรณีที่ผักมีความสูง เช่น มะเขือเทศ แคนตาลูป รากไม่สามารถยึดติดกับวัสดุปลูกได้ จำเป็นต้องมีวัสดุรองรับต้นผัก เพื่อช่วยให้พืชที่มีลำต้นสูง และมีผลผลิตที่มีน้ำหนัก สามารถทรงตัวอยู่ได้ ซึ่งวัสดุผูกมัด ได้แก่ เชือก ลวด ไม้ค้ำ และอาจมีสิ่งผูกมัดติดกับต้นผักซึ่งส่วนมากทำจากพลาสติก วัสดุ อุปกรณ์สำหรับควบคุมอุณหภูมิโรงเรือน สารละลายธาตุอาหารและวัสดุปลูกเนื่องจากประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงจึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ภายในโรงเรือน อุปกรณ์สำหรับการตรวจวัดและควบคุมสารละลายธาตุอาหารพืชเครื่องมือตรวจวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่างของสารละลายธาตุอาหารพืช (pH meter) เครื่องมือตรวจวัดค่าการนำไฟฟ้าของสารละลายธาตุอาหารพืช (Electrical Conductivity meter)…

  • เกษตรอินทรีย์ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

    วางระบบ เกษตรอินทรีย์ ระบบของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ smart farmer ออร์แกนิค organic

    ระบบของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ระบบการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์สามารถจำนกได้เป็นหลายระบบขึ้นอยู่กับวิธีการต่าง ๆ แต่ที่ใช้มากในประเทศไทย มีดังนี้ การปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง (Nutrient Film Technique : NFT) เป็นการให้สารละลายธาตุอาหารพืชไหลผ่านรากพืชที่ปลูกบนรางตามความลาดชันของรางปลูกอย่างช้า ๆ เป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร พืชที่ปลูกได้ดีและนิยมปลูกในระบบนี้ ได้แก่ ผักกินใบจำพวกผักสลัด มีอายุยาวประมาณ 45-50 วัน การปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผักในระดับลึก(Deep Flow Technique : DFT) การปลูกผักโดยวิธีนี้เหมือนการปลูกแบบลอยน้ำซึ่งสามารถปลูกได้ดีในที่ที่มีแดดจัด โดยวิธีนี้จะมีช่องว่างระหว่างแผ่นปลูกกับสารละลายธาตุอาหารพืชประมาณ 3-5 เซนติเมตร เพื่อให้รากผักบางส่วนถูกอากาศและบางส่วนอยู่ในสารละลายธาตุอาหารพืช ผักที่ปลูกได้ดีและนิยมปลูกในระบบนี้ได้แก่ ผักไทย (ผักกินใบที่มีอายุสั้น ประมาณ 20-30 วัน) เช่น ผักคะน้า ผักบุ้งผักโขม เป็นต้น การปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารและอากาศไหลวนผ่านรากผักในระดับลึกอย่างต่อเนื่องในถาดปลูก (Dynamic Root Floating Technique : DRFT) ระบบนี้พัฒนามาจากระบบ DFT โดยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศและสารละลายธาตุอาหารพืช ผักที่ปลูกได้ดีและนิยมปลูก ได้แก่ ผักไทย

  • เกษตรอินทรีย์ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

    วางระบบ เกษตรอินทรีย์ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ smart farmer ออร์แกนิค organic

    ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) มาจากภาษากรีก คำว่า“Hydro” แปลว่า น้ำรวมกับคำว่า“Ponos” ที่แปลว่า งาน เมื่อรวมกันจึงหมายถึง การทำงานของน้ำ (สารละลายธาตุอาหาร)ผ่านรากพืช โดยปกติแล้วการที่พืชจะเจริญเติบโตได้ดีนั้นต้องอาศัยปัจจัยต่าง ๆ ที่เหมาะสมหลายอย่าง เช่น แสงแดด อุณหภูมิน้ำ และธาตุอาหารพืช การที่พืชจะนำธาตุอาหารพืชไปใช้ประโยชน์ได้นั้นจะต้องคำนึงถึงเรื่องความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ของดินหรือสารละลายธาตุอาหารใช้ปลูกพืช การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ พืชจะได้รับธาตุอาหารในรูปสารละลายเรียกว่า “สารละลายธาตุอาหารพืช” ซึ่งพืชสามารถนาไปใช้ได้ทันทีเพราะมีการปรับค่าการนาไฟฟ้า (Electrical Conductivity : EC) และ pH ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชอยู่ตลอดเวลา ข้อดีของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ คือ สามารถทาการปลูกผักในบริเวณ ที่พื้นดินไม่เหมาะสมหรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่อการปลูกผัก ใช้พื้นที่ในการเพาะปลูกน้อยและสามารถทาการผลิตได้อย่างสม่ำเสมอ ควบคุมสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตได้ เช่น การควบคุมปริมาณธาตุอาหาร pH เป็นการปลูกผักที่ใช้น้ำและธาตุอาหารพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายในการเตรียมดินและกาจัดวัชพืช แต่การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ เป็นระบบที่มีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง เนื่องจากอุปกรณ์มีราคาแพงและการควบคุมดูแลต้องใช้ผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์

  • อาชีพ ทำกิน รายได้,  อาชีพ พอเพียง,  เกษตร เศรษฐกิจ พอเพียง การปลูก

    อาชีพ เกษตร พอเพียง การผลิต การปลูกผักลอยแพ

    ในสภาวะที่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมร้ายแรงครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ ในปี 2554 บ้านเรือนที่อยู่อาศัยเส้นทางสัญจรไปมารวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตรเกิดความเสียหายมากมาย ผู้คนเดือดร้อนในเรื่องของปัจจัย 4ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานของชีวิต โดยเฉพาะเรื่องอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของชีวิต แต่ด้วยสภาพพื้นดินที่ได้เปลี่ยนเป็นพื้นน้ำ ทำให้ไม่สามารถเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรเพื่อดำรงชีวิต คุณฮวด ไม้เนื้อทองชาวหมู่บ้านราชธานีอโศก ตำบลบุ่งไหม อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ได้ทดลองทำแพปลูกผักเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ไม่มีที่ดินเพาะปลูก ซึ่งคุณฮวดฯ ได้ลองผิดลองถูกหลายวิธีสำหรับการทำแพปลูกผักจนได้แพปลูกผักที่มีอายุการใช้งานได้หลายปี วัสดุทำแพปลูกผัก 1. เศษโฟม ขนาดต่างๆ2. ไม้ไผ่3. สแลน4. ถุงปุ๋ยและเข็มเย็บกระสอบ5. เชือกพลาสติก6. ผักตบชวาหรือพืชน้ำย่อยสลายง่าย7. ดินและปุ๋ยอินทรีย์ ขั้นตอนในการทำแพ 1. นำเศษโฟมขนาดใดก็ได้มาหักให้เป็นชิ้นเล็กนำมาอัดลงในกระสอบปุ๋ยเหมือนลักษณะนำนุ่นมายัดหมอน เทคนิคพิเศษ ควรหาโฟมที่มีความยาวและความกว้างมาวางเป็นโครงตั้งรอบกระสอบปุ๋ยในลักษณะ 5 หรือ 6 เหลี่ยม ซึ่งสามารถลอยน้ำได้ดีกว่า 4 เหลี่ยม จากนั้นนำโฟมขนาดพอดีกับปากกระสอบปุ๋ยมาวาง ใช้เข็มเย็บกระสอบสานและเย็บเชือกปิดปากถุงจะได้ทุนกระสอบโฟม2. นำสแลนแบบหนาขนาดมาตรฐานมาซ้อนกัน 2 ผืน จากนั้นเย็บเป็นช่องโดยแต่ละช่องจะใส่ทุ่นกระสอบได้ 4 ทุ่น3. นำไม้ไผ่มาวางพาด ตามข้างๆ เป็นโครงการตามรองของทุ่นกระสอบแล้วมัดยึดกับทุ่นโฟมจะได้รูปร่างเป็นแพลอยน้ำ4. นำผักตบชวามาใส่บนแพ ให้คนย่ำไปมาอัดผักตบชวาในแน่น จนได้ความหนาประมาณ 50 เซนติเมตร หรือมากกว่านี้ก็ได้ เมื่อหนาได้ตามขนาดที่ต้องการ จึงใช้มีดสับใบและก้านของผักตบชวา เพื่อเวลาใส่ดินและปุ๋ยรองพื้นดินจะแน่นไม่ไหลหนี5. เตรียมดิน นำดินคลุกกับปุ๋ยอินทรีย์หรือจะนำดินปลูกก็ได้ใส่ลงในผักตบชวาจากนั้นก็สามารถปลูกพืชผักได้ตามต้องการ จากการทดลองปลูกแล้วได้ผลผลิตที่ดี คือ พืชผักสวนครัวทุกชนิด เช่น ผักบุ้ง มะเขือเทศ โหรพาใบแมงลัก แตงกวา ถั่ว ฟักทอง และอีกหลายชนิด ถ้าอยากให้ได้ผลผลิตที่ดียิ่งขึ้น ควรจะนำน้ำหมักจุลินทรีย์มารดก็จะช่วยให้ผลผลิตงามมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้สามารถปลูกข้าวได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจทั้งข้าวเหนียว ข้าวเจ้า ข้าวหอมมะลิและอีกหลายสายพันธุ์ ข้อดี ไม่ต้องลงทุนสูง ไม่ต้องรดน้ำ ประหยัดเวลา เงิน และพลังงาน อีกทั้งยังอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ช่วยกำจัดโฟม และผักตบชวา โดยเฉพาะสามารถลากแพไปทุกที่ตามที่ต้องการได้ และยังสามารถสร้างกระท่อมเล็กๆ อาศัยได้ การทำแพปลูกผัก หวังว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ที่ประสบปัญหาอุทกภัยและเดือดร้อนในเรื่องพื้นที่สำหรับเพาะปลูกอยู่ในขณะนี้ แหล่งข้อมูล : ชุมชนราชธานีอโศก 99 หมู่ 10 หมู่บ้านราชธานีอโศก ตำบลบุ่งไหม อำเภอวารินชำราบจังหวัดอุบลราชธานี 34190 โทรศัพท์ 0-4524-0584-5, 08-4960-665, 08-5008-6174 โทรสาร 0-4532-3360 E-mail address:…

  • โรงงาน OEM ผลิต สร้าง ทำ แบรนด์ รับทำ อาหารสำเร็จ

    ผงผัก ผักกาดหอม โรงงาน OEM รับทำ ผลิต แบรนด์ ผงผัก อาหารเสริม ออแกนิค organic

    ผักกาดหอมป่าเป็นพืชในสกุล Lactuca กินบ่อยๆสําหรับผลกระทบทางจิตอ่อน มันเกี่ยวข้องกับผักกาดหอมทั่วไปและมักเรียกว่าผักกาดหอมขม, Laitue vireuse น้ํายางที่เรียกว่าแลคทูคาเรียมสามารถหาได้จากผงของลําต้นสารคัดหลั่งของแลคทูก้าวิโรซา ผงยังสามารถผลิตจาก L. virosa 1. นําไปใช้ในสาขาอาหาร2.นําไปใช้ในด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพของ3.นําไปใช้ในสาขาเครื่องสําอางของ4.นําไปใช้ในสาขาเภสัชกรรมของ