เกษตรอินทรีย์ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

คู่มือ เกษตร ผัก ผลไม้ อินทรีย์ การปฏิบัติจริงที่ใคร ๆ ก็ทําได้ วางระบบ smart farmer ออร์แกนิค organic

เกษตรอินทรีย์ การปฏิบัติจริงที่ใคร ๆ ก็ทําได้ประเทศไทย ดินแดนแห่งเกษตรกรรมประเทศไทยเป็นดินแดนอุดมสมบรูณ์ มีแม่น้ําน้อยใหญ่ ที่ราบสูงและที่ลุ่ม มากมาย เกษตรกรรมจึงรุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีต ภาคเหนือของประเทศมีพื้นที่ป่าค่อนข้างมาก

ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา อากาศจึงเย็นสบายเพาะปลูกพืชที่ชอบอากาศเย็น อย่างลําไย ส้ม และลิ้นจีได้ดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่ราบกว้างใหญ่ เกษตรกรนิยมปลูกข้าว มัน สําปะหลัง ข้าวโพด และอ้อย ภาคใต้มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร อากาศจึงร้อนชื้น มีฝนตกมาก พืชเศรษฐกิจสําคัญได้แก่ปาล์มน้ํามัน มะพร้าว และ ยางพารา ส่วนภาคกลางมีดินอุดมสมบรูณ์จึงเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สําคัญของประเทศแม้ปัจจุบันประเทศไทยจะจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกําลังพัฒนาด้านอุตสาหกรรม และงานบริการ แต่ “เกษตรกรรม” ก็ยังเป็นอาชีพหลักของชาวไทยส่วนใหญ่เมื่อมองภาพรวมจึงกล่าวได้ว่าประเทศไทยเหมาะแก่การเพาะปลูกอย่างยิ่ง

ด้วยปริมาณน้ําฝนและภูมิอากาศที่เอื้อต่อการทําเกษตร ทําให้ส่งออกผลผลิตไปขายยังต่าง ประเทศได้ปริมาณมากโดยมีข้าวและผลไม้เป็นหลัก ข้าวหอมมะลิและผลไม้จาก ประเทศไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกแน่นอนว่าผลผลิตทางการเกษตรจํานวนหนึ่งก็ถูกส่งไป ขายยังประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน จึงไม่แปลกเลยที่จะมีชาวญี่ปุ่นบอกว่ารู้จักผลไม้ชนิดนั้นชนิด นี้ของประเทศไทยในช่วงต้นปี พ.ศ.2542 ที่ผมเริ่มทําเกษตรนั้น ยังไม่มีเกษตรกรไทยคนไหนทํา เกษตรอินทรีย์อย่างจริงจัง กระทั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สํารวจพบว่า เกษตรกร

ไทยใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีมากถึง 99.8%หากเทียบกับพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศแล้ว จะเห็นว่ามีพื้นที่ทําเกษตรอินทรีย์ไม่ถึง 1% ด้วยเหตุนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึง เริ่มเผยแพร่แนวคิดการทําเกษตรอินทรีย์อย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2544

แม้ผมจะตั้งเป้าไว้ว่าต้องทําเกษตรให้โด่งดังถึงระดับประเทศ แต่ถ้าไม่มีที่ดินเรื่อง ก็คงหยุดอยู่แค่นั้น และถ้าจะทําเกษตรอินทรีย์จริงๆจังๆ ก็ต้องเลือกที่ดินที่ไม่เคยทําเกษตร มาก่อน บางท่านอาจสงสัยว่าทําไมล่ะ คําตอบคือ ที่ดินที่เคยทําเกษตรร้อยทั้งร้อยล้วน เคยได้รับปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงมาก่อน สารเคมีที่สะสมอยู่ในดินต้องใช้เวลาย่อยสลาย อย่างน้อย 5 ปี การเลือกที่ดินจึงสําคัญมาก

ประเทศไทยมีกฎหมายเข้มงวดเรื่องการซื้อที่ดินโดยชาวต่างชาติแม้ผมอยากทํา เกษตรมากเพียงใด ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อและครอบครองที่ดินอยู่ดี ผมอยากทําเกษตร แต่กลับซื้อที่ดินไม่ได้ แถมที่ดินที่เหมาะกับการทําเกษตรอินทรีย์ยังหายากมาก ผมอยาก ได้ที่ดินขนาดใหญ่ เพราะฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่ผมคิดจะทํานั้น ต้องมีทั้งแปลงเกษตร ระบบจัดการน้ําในฟาร์ม สถานที่อบรมการทําเกษตรอินทรีย์ สถานีวิจัย ที่พัก และโรงงาน แปรรูปผลผลิต จึงต้องใช้เงินทุนสูงมากชีวิตเกษตรกรของผมต้องเจอกับกําแพงขนาดใหญ่ เสียแล้ว

สิ่งแรกที่ผมต้องตัดสินใจคือ จะซื้อที่ดินแถวไหนดี โดยส่วนตัวผมรู้สึกเหมือนองค์ พระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่กลางเขามาดลใจ เพราะหลังจากตัดสินใจว่าจะทําเกษตร เมื่อเดินทางผ่านไปแถวนั้นผมรู้สึกว่าพระพุทธรูปทอดสายตามองลงมายังผืนดินผืนหนึ่ง บริเวณนั้น ผมบอกเพื่อนชาวไทยที่รู้จักกันว่าอยากให้ช่วยหาข้อมูลของที่ดินตรงเชิงเขาที่ พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ให้หน่อย

หลายวันต่อมาเพื่อนก็มาหาผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมพูดว่า “ตาแหลมมาก เลยนะโอกะซัง เซนส์ของคุณนี้ใช้ได้เลย ที่ดิน 50 ไร่ ตรงนั้นยังว่างอยู่” ผมดีใจและ ประหลาดใจมาก ไม่รู้ว่าจะใช่แรงดลใจจากพระพุทธรูปหรือเปล่า แถมเจ้าของที่ดินยังเป็น คนดี การเจรจาต่อรองจึงดําเนินไปอย่างราบรื่น
ตอนนี้ผมหาที่ดินทําเลเยี่ยมได้แล้ว ปัญหาที่เหลือคือเงินทุนสําหรับซื้อที่ดินสร้าง สถานีวิจัย และสร้างโรงงาน เงินทุนที่ผมเก็บสะสมไว้ทีละเล็กทีละน้อยรวมกับเงินจากการ ขายแมนชั่นที่ญี่ปุ่นยังไม่พอ ขาดอยู่อีกมากเหมือนกัน จึงลองไปปรึกษาเพื่อขอกู้เงินกับ ธนาคาร ผมดีใจมากที่ธนาคารจะให้เงินกู้อย่างสมน้ําสมเนื้อถ้านําที่ดินเข้าจํานอง แต่ผมคงดีใจเร็วไป เพราะราคาที่ธนาคารประเมินต่ํากว่าราคาที่ดินจริงๆ เกินครึ่ง ต่อให้ ได้เงินกู้จากธนาคารก็ยังไม่พออยู่ดี

ผมจึงไปปรึกษาหัวหน้าบริษัทเก่าที่เคยทํางานด้วย ท่านเป็นคนน่านับถือมีความ เอื้อเฟื้อ และพร้อมให้ความช่วยเหลือ เมื่อหัวหน้าเข้าใจเป้าหมายของผมและวิธีการทํา เกษตรอินทรีย์แล้ว ได้กรุณาช่วยเหลือด้านเงินทุนที่ยังขาดอยู่ ในที่สุดผมก็ได้ที่ดินผืนนั้น มาครอบครอง

ขณะเดียวกัน หัวหน้าได้แนะนําผมให้รู้จักคุณอะดะชิ อิกุโอะ จากสถาบันวิจัย พลังงานและการขับเคลื่อนพลังงานคลื่น คุณอะดะชิเป็นผู้วิจัยเรื่องการขับเคลื่อนคลื่นใน สุริยะจักรวาล และศึกษาเรื่องความสอดคล้องกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง การที่ผมได้รู้จัก คุณอะดะชิ ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ว่า จากนี้ไปเป้าหมายการใช้ชีวิตของผมคือ “เพื่อให้มนุษย์ดํารงชีวิตอยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ”

ผมก่อตั้งบริษัทขึ้นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2542 ตั้งชื่อว่า “ฮาร์โมนี้ไลฟ์ อินเต อร์เนชั่นแนล จํากัด (Harmony Life Internationnal Co., Ltd.)” หมายถึง “การใช้ชีวิต อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ” โดยตั้งปณิธานว่า การดําเนินงานของบริษัทฮาร์โมนี้ไลฟ์ ต้องสอดคล้องกับธรรมชาติ