-
Climate Change ส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตรได้อย่างไร? เทคโนโลยี smart farm IoT
“แสงและความร้อนที่เกินความจำเป็น” คือ อุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของพืช พืชมักมีวิวัฒนาการเกี่ยวกลไกของเซลล์ที่ค่อนข้างซับซ้อน โดยจะมีระบบการป้องกันตนเองจากปริมาณแสงที่มากจนเป็นอันตรายต่อกระบวนการสังเคราะห์แสง กล่าวคือ ความเข้มข้นแสงที่มากเกินไปจะน ามาสู่พลังงานแสงที่มากเกินความจำเป็น ซึ่งจะเข้าไปทำลายระบบการสังเคราะห์แสงของพืช และเข้าไปขัดขวางการเจริญเติบโตของพืชในที่สุด นอกจากนี้ความร้อนที่เพิ่มสูงชื้นในช่วงฤดูร้อนก็ส่งผลต่อผลผลิตด้วยเช่นกัน โดยจากข้อมูลการสำรวจรายได้และค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในบังกลาเทศ (HIES)ร่วมกับข้อมูลจาก Moderate Resolution Imaging Spectroradiometer(MODIS) ระหว่างปี 2000-2010 เพื่อวิเคราะห์ความเสียหายของผลผลิตข้าวในระดับครัวเรือน พบว่า ภาวะแล้งมีความสัมพันธ์กับผลผลิตข้าว โดยเมื่อระดับความแล้งเพิ่มชื้น 1% จะทำให้ผลผลิตข้าวลดลง 693 กิโลกรัมต่อครัวเรือนโดยเฉลี่ยต่อปีในเดือน มิ.ย.-ก.ค. (Aus) และจะทำให้ผลผลิตลดลงมากถึง 1,382 กิโลกรัมต่อครัวเรือนโดยเฉลี่ยรายปีในช่วงเก็บเกี่ยวในเดือนพ.ย.-ธ.ค. (Aman)
-
เทคโนโลยี smart farm IoT ช่วยลดความเสี่ยงจาก Climate Change
สำหรับตัวอย่างบริษัทที่มีการนำเทคโนโลยี IoT ในกลุ่ม Soil Sensors มาช่วยลดความเสี่ยงจาก Climate Change กล่าวคือ รัฐบาลท้องถิ่นเมือง Oregon ได้ร่วมสนับสนุนให้แก่ชาวสวนฟาร์มบลูเบอรี่นำอุปกรณ์ HydraProbe มาใช้เพื่อวัดความชื้นในดินในแต่ละระดับความลึก เนื่องจากพืชสวนอย่างบลูเบอรี่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อการขาดน้ำอย่างมาก โดย HydraProbe จะประเมินการใช้น้ำและการใส่ปุ๋ยได้อย่างแม่นยำให้สอดคล้องกับช่วงการดูดซับอาหารของรากพืช และยังช่วยลดการใช้สารกำจัดเชื้อราที่เป็นไปตามกฎระเบียบในการควบคุมคุณภาพน้ำ รวมไปถึงยังมีฟังก์ชันแจ้งเตือนที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงที่สภาพอากาศรอ้ นจัดและหนาวจัด ซ่ึงจะช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้มากขึ้นจากการประหยัดต้นทุนนั่นเองท้ังนี้ อุปกรณ์ HydraProbe จะมีลักษณะเป็นแท่งตรวจจับความชื้นที่หุ้มด้วยฉนวนไฟฟ้าอย่างโพลีเอทิลีนที่มีความแข็งแรง ทนแดด กันน้ำ และสามารถใช้ได้ทุกสภาพดิน โดยใช้หลักการวัดความต้านทานต่อไฟฟ้ากระแสสลับ (DielectricImpedance) ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ 50 เมกะเฮิทซ์ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกลางเพื่อตรวจหาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพดินอย่างเช่น ความชื้น (Moisture) ความเค็มของดิน (Soil Salinity) และอุณหภูมิ (Temperature) ซ่ึงข้อมูลท้ังหมดที่ได้จะถูกส่งไปเก็บที่แอปพลิเคชัน HydraGO ผ่านระบบบลูทูธเพื่อเชื่อมกับสมาร์ทโฟนต่อไป
-
เทคโนโลยี smart farm IoT ลดอุณภูมิโลกใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
อุณหภูมิพื้นผิวโลกที่สูงขึ้น ยิ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมในภูมิภาคเขตร้อน โดย Germanwatch.org ได้ว ิเคราะห์ผลกระทบของ Climate Change ผ่านดัชนีความเสี่ยงสภาพอากาศโลก (Global Climate Risk Index: CRI) ซึ่งพบว่า ประเทศที่ได้รับ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างรุนแรงส่วนใหญ่ต้ังอยู่ในโซนเขตร้อนหรือ แถบเส้นศูนย์สูตร เนื่องจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะเร่ง ระดับการระเหยของผิวน้ำทะเล และระดับน้ำใต้ดินให้มีความแห้งแล้งอย่างหนัก จนไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช (ตารางที่ 2) ท้ังนี้ Krungthai COMPASS มองว่า พื้นที่เกษตรกรรมในภูมิภาคเขตร้อนส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเกษตรแปลงเล็ก ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เปราะบางอยู่แล้วน้ัน ยิ่งขยายวงกว้างออกไปจนถึงระดับการจ้างงานและรายได้ของประชากร สอดคล้องกับข้อมูลของ United Nationsที่ได้ยืนยันอีกเสียงว่า ในช่วงปี 2011-2050 ผลผลิตทางการเกษตรท่ัวโลกคาดว่าจะลดลงราว 1.1% โดยผลผลิตในประเทศเขตร้อน เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก สวนทางกับประเทศเขตหนาวอย่างแคนาดา รัสเซีย และฟินแลนด์ กลับได้รับอานิสงส์จากสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่นขึ้น
-
เทคโนโลยี smart farm IoT ช่วยลดความเสียหายของผลผลิตจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ปรากฏการณ์เอลนิโญ่มีความถี่มากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกโดยรวมมีความแปรปรวน และส่งผลกระทบมากขึ้นเป็นลำดับ สะท้อนจากดัชนีชี้วัดปรากฎการณ์เอลนิโญ่ (El Niño) และลานิญ่า (La Nina)5หรือ Oceanic Niño Index (ONI) ซึ่งคำนวณจากค่าอุณหภูมิที่ผิวน้าทะเล (SST) ที่เปลี่ยนไปจากค่าอุณหภูมิปกติ โดยจะเห็นได้ว่าเกิดปรากฏการณ์เอลนิโญ่รุนแรงและบ่อยครั้ง ขึ้นในระหว่างปี 2010-2019 เมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีก่อนหน้า สอดคล้องกับรูปที่ 5 ที่แสดงให้เห็นถึงจานวนครั้ง ที่เกิดภัยพิบัติที่เพิ่มขึ้นกว่า 30 เท่าในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งศตวรรษ โดยภัยพิบัติทั่วโลกระหว่างปี 1950-1962 เกิดขึ้นเพียง 20 ครั้ง ต่อปีแต่ในช่วงปี 2000-2008 เพิ่มขึ้นเป็น 400-500 ครั้ง ต่อปี และในช่วงปี 2009-2018กลับเพิ่มสูงถึง 600-700 คร้ังต่อปี โดยได้สร้างความเสียหายทั่วโลกสะสมถึง3.54 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ในช่วงปี 1999-20186 นอกจากนี้ รายงานของ UNEPAdaptation Gap Report ปี 2016 ก็ได้ออกประกาศแจ้งเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลกในปี 2030 จะรุนแรงขึ้นกว่าในปัจจุบันราว 2 ถึง 3 เท่า และจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีก 4 ถึง 5 เท่าในปี 2050
-
เทคโนโลยี smart farm IoT ช่วยให้ Young Farmer ประสบความสำเร็จในธุรกิจเกษตรได้ง่ายขึ้นจากการที่ในอนาคตธุรกิจเกษตรไทยจะเป็นในลักษณะ Decentralized
ช่วยให้ Young Farmer ประสบความสำเร็จในธุรกิจเกษตรได้ง่ายขึ้นจากการที่ในอนาคตธุรกิจเกษตรไทยจะเป็นในลักษณะ Decentralized Krungthai COMPASS มองว่า IoT จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Young Farmer) ประสบความสำเร็จในธุรกิจเกษตรได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยี IoT จะเปลี่ยนรูปโฉมธุรกิจเกษตรไทยให้เป็นในลักษณะ Decentralized ซึ่งทำให้การบร ิหารจัดการผลิตไม่ยากดังเช่นแต่ก่อน ส่งผลให้การใช้ปัจจัยการผลิต (Input) มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากผู้ประกอบการรุ่นใหม่อย่างบร ิษัท Deva Farmที่เร่มิ จากการเป็นผู้ผลิตคราฟเบียร์ไทยแบรนด์เทพพนม (Devanom) แต่ต่อมาได้พัฒนาโรงเรือนในการปลูกฮอปส์4 เองเพื่ อทดแทนการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซ่ึงนับเป็นผู้ประกอบการไทยรายแรกที่เริ่ม ต้นการปลูกฮอปส์เชิงพาณิชย์ในประเทศ โดยเป็นโรงเรือนระบบปิดที่ใช้เทคโนโลยี IoT ซึ่งประกอบด้วยเซ็นเซอร์และระบบอัตโนมัติเป็นส่วนใหญ่ เพื่อวัดอุณหภูมิความชื้น ความเข้มแสง ความเร็วลมและปริมาณน้ำฝนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
-
เกษตร smart farm thailand การเพิ่มประสิทธิภาพ ผลผลิต ผลไม้ ชมพู่
สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจำกัด 1.สภาพภูมิอากาศ สามารถเจริญเติบโตได้ทุกสภาพพื้นที่ – 2. สภาพพื้นที่ – สภาพความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 5.5 – 6.5 – 3.สภาพดิน – สภาพดินร่วนและดินร่วนเหนียว ความอุดมสมบูรณ์สูง ดีที่สุดต้องเป็นดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนลำน้ำใหม่ที่แม่น้ำลำคลองพัดมาทับถมทุกปี เป็นดินใหม่อายุน้อย มีอินทรียวัตถุสูง หน้าดินลึกไม่เกิน 30 เซนติเมตร – 4. สภาพน้ำ – ปริมาณน้ำฝนสม่ำเสมอ – แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตัดแต่งช่อผลตั้งแต่เริ่มติดผล โดยไว้ผลประมาณ 3 – 4 ผลต่อช่อ เพื่อลดการใช้อาหารสะสมมากเกินไปทำให้ผลมีขนาดเล็ก ตลาดไม่ต้องการ และการไว้ผลมากเกินใบอาจส่งผลต่อการออกดอกในครั้งต่อไปน้อยลง ควรทำการห่อผลเพื่อป้องกันแมลงวันผลไม้เข้าเจาะทำลาย หากห่อช้ากว่าระยะดอกบานจะทำให้เกิดภาวะเสี่ยงจากแมลงวันผลไม้เข้าเจาะทำลาย เพราะระยะดอกบาน – ผลแก่ เพียง 45 วันเท่านั้น ควรงดการให้น้ำช่วงก่อนการเก็บเกี่ยว 3 – 5 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพดินถ้าดินเหนียวควรงดการให้น้ำนานกว่านี้อาจเป็น 5 – 7 วัน การเก็บเกี่ยวและการจัดการผลชมพู่หลังการเก็บเกี่ยวหลังจากชมพู่อายุพร้อมที่จะเก็บเกี่ยว คือ มีอายุวัน ผลเต่งอวบ สีซีด ในบางพันธุ์มีสีขาว บางพันธุ์มีสีแดงหรือชมพู ผิวเป็นมันเงา มีความหวานสูง ควรทำการเก็บ หากทิ้งไว้เกินอายุการเก็บเกี่ยวจะทำให้ผลชมพู่แตกหรือร่วงเสียหายได้