-
การเก็บรักษา ผัก ผลไม้ กล้วยหอมทอง การเก็บผลไม้ ผลไม้อินทรีย์
ดัชนีการเก็บเกี่ยว อายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมสำหรับกล้วยหอมส่งออก คือ 50 วัน ขึ้นไปหลังตัดปลี ทั้งนี้ขึ้นกับการดูแลรักษาในแปลงปลูก หรืออาจพิจารณาความอ่อนแก่จากลักษณะผล คือ ผลกล้วยยังเป็นเหลี่ยม และเนื้อมีสีขาว กล้วยที่มีเนื้อเหลืองแสดงว่าแก่จัดและเริ่มสุก และจะไม่ทนทานต่อการขนส่ง การเก็บเกี่ยวกล้วยควรทำด้วยความระมัดระวัง เครือกล้วยที่ตัดมาแล้วควรหุ้มด้วยแผ่นฟองน้ำเพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนย้ายและขนส่งไปโรงคัดบรรจุ อุณหภูมิและบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมในการเก็บรักษา อุณหภูมิ*(องศาเซลเซียส) ระยะเวลาเก็บรักษา(วัน) หมายเหตุ 2 1 การเก็บรักษาที่ 2-10 องศาเซลเซียส นานขึ้นกล้วยจะเกิดอาการสะท้านหนาวซึ่งมีอาการเริ่มต้นคือ ผิวกล้วยจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เมื่ออาการรุนแรงขึ้นผิวผลจะมีสีน้ำตาลเข้ม ไม่สุกและเน่าเสีย 5 3 10 5 13-14 14-21 * ความชื้นสัมพัทธ์ 90-95% การบรรจุกล้วยหอมดิบเพื่อการส่งออกจะใช้กล่องกระดาษลูกฟูกความจุ12-18 กิโลกรัม บุภายในกล่องด้วยถุงโลวเดนซิตี้โพลีเอทธิลีน (low density polyethylene) รองด้วยโฟมอ่อน เรียงหวีกล้วยจำนวนหนึ่งถึงสองชั้น แล้วคั่นระหว่างหวีด้วยแผ่นโฟม แผ่นพลาสติก หรือกระดาษเพื่อป้องกันการเสียดสีระหว่างหวีขณะบรรจุและขนย้ายและการส่งออก
-
การเก็บรักษา ผัก ผลไม้ กล้วยไข่ การเก็บผลไม้ ผลไม้อินทรีย์
ดัชนีการเก็บเกี่ยว อายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมของกล้วยไข่ คือ 35-45 วันหลังตัดปลี ทั้งนี้ขึ้นกับการดูแลรักษาในแปลงปลูก หรืออาจพิจารณาความอ่อนแก่จากลักษณะผลกล้วยไข่ที่เหมาะกับการส่งออกควรมีผลที่ยังเป็นเหลี่ยม และเนื้อมีสีครีม กล้วยไข่ที่เนื้อเริ่มสุกจะไม่ทนทานต่อการขนส่ง การเก็บเกี่ยวกล้วยไข่นั้น ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้า และควรตัดเครือด้วยความระมัดระวัง เครือกล้วยที่ตัดมาแล้วควรหุ้มเครือด้วยแผ่นฟองน้ำหรือแผ่นโฟมเพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนย้ายและขนส่งไปโรงคัดบรรจุ อุณหภูมิ*(องศาเซลเซียส) ระยะเวลาเก็บรักษา(วัน) หมายเหตุ 2 1 การเก็บรักษาที่ 2-10 องศาเซลเซียส นานขึ้นกล้วยจะเกิดอาการสะท้านหนาวซึ่งมีอาการเริ่มต้นคือ ผิวกล้วยจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เมื่ออาการรุนแรงขึ้นผิวจะมีสีน้ำตาลเข้ม ไม่สุกและเน่าเสีย 5 2 10 5 13-15 14-21 >20 10 * ความชื้นสัมพัทธ์ 90-95% การบรรจุภัณฑ์สำหรับกล้วยไข่ดิบเพื่อการส่งออก จะใช้กล่องกระดาษลูกฟูกความจุ 12-18 กิโลกรัม บุภายในกล่องด้วยถุงโลวเดนซิตี้โพลีเอทธิลีน (lowdensity polyethylene) โดยรองก้นถุงด้วยโฟมอ่อน เรียงหวีกล้วยชั้นเดียว แล้วคั่นระหว่างหวีด้วยแผ่นโฟม แผ่นพลาสติกหรือกระดาษเพื่อป้องกันการเสียดสีระหว่างหวีขณะบรรจุและขนย้าย จากนั้นปิดถุงแล้วปิดกล่องแล้วขนส่งในอุณหภูมิที่เหมาะสม คือ 13-15 องศาเซลเซียส เมื่อกล้วยถึงปลายทางจะถูกบ่มด้วยเอทธิลีน ที่อุณหภูมิ 16-20 องศาเซลเซียส เพื่อให้กล้วยสุกสม่ำเสมอ พร้อมจำหน่ายหรือบริโภค
-
วางระบบ เกษตรอินทรีย์ สิ่งที่ควรรู้ก่อนเก็บรักษาผัก smart farmer ออร์แกนิค organic
ไม่ควรเก็บผักและผลไม้ไว้รวมกัน จะทำให้เกิดการเน่าและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การเก็บผักด้วยวิธีแช่น้ำ ไม่ควรแช่ผักลงในน้ำทั้งต้น เพราะจะทำให้วิตามินละลายน้ำเสียไป ถ้าต้องการเก็บด้วยวิธีนี้ให้แช่เฉพาะส่วนโคนหรือส่วนรากในภาชนะแล้วใช้ผ้าชุบน้ำคลุมไว้ โดยหมั่นชุบผ้าให้ชื้นอยู่เสมอ การเก็บผักเล็กๆ น้อยๆ ที่ใช้ในครัวและเก็บในตู้เย็นนั้น ควรล้างผักที่เก็บให้สะอาดก่อน เพราะผักที่ซื้อจากตลาดขายปลีกมักไม่สะอาด ถ้ายังไม่ใช้ทันทีให้ล้างทั้งต้นด้วยน้ำสะอาด แล้วผึ่งสะเด็ดน้ำจริงๆจึงเอาเข้าเก็บในลิ้นชักตู้เย็น และควรแยกผักใส่ถุงพลาสติกเป็นหมวดหมู่ จะช่วยให้เก็บได้นานขึ้น วิธีการลดสารเคมีตกค้างในผัก ใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต (Baking Soda) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น 1 กะละมัง (20 ลิตร) แช่ผักนาน 15 นาที แล้วนำไปล้างน้ำสะอาดอีกหลายๆ ครั้งสามารถลดปริมาณสารเคมีตกค้างได้ ร้อยละ 90-95 (ขึ้นอยู่กับชนิดของผัก) ใช้น้ำส้มสายชูที่มีกรดน้ำส้มความเข้มข้นร้อยละ 5 ผสมน้ำในอัตราส่วน 1 : 10 เพื่อให้เหลือความเข้มข้นร้อยละ0.5 (เช่นถ้าใช้น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงให้เติมน้ำอีก10 ถ้วยตวง เป็นต้น) แช่ผักนาน 10-15นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด สามารถลดปริมาณสารเคมีตกค้างได้ ร้อยละ 60-84(ขึ้นอยู่กับชนิดของผัก) ใช้น้ำล้างผักโดยปล่อยให้ไหลผ่านผัก โดยเด็ดผักเป็นใบๆ ใส่ตะแกรงโปร่งแล้วใช้มือช่วยคลี่ใบผักล้างนาน 2 นาที สามารถลดปริมาณสารเคมีตกค้างได้ ร้อยละ 25-63 (ขึ้นอยู่กับชนิดของผัก)
-
วางระบบ เกษตรอินทรีย์ เก็บผักให้สดได้นานวัน smart farmer ออร์แกนิค organic
เคล็ดลับส่งท้ายการเก็บผักให้สดได้นานวัน วิธีเก็บผักที่ตัดจากสวนหรือไร่มาแล้วให้คงอยู่ในสภาพที่สดนานได้นั้น ต้องรู้วิธีเก็บให้เหมาะสมกับชนิดของผักนั้นๆ เราสามารถแบ่งผักออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มผักเน่าเสียง่าย เช่น เห็ด ผักชี ผักกาดหอม ถั่วงอก ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ชะอม ผักเหล่านี้มักเหี่ยวง่ายและเหลืองอย่างรวดเร็ว แม้จะเก็บอยู่ในตู้เย็นก็ไม่ช่วยยืดอายุมากนัก ทางที่ดีสุดคือ บรรจุผักในถุงพลาสติกแล้วเก็บไว้ในตู้เย็น โดยถุงพลาสติกจะต้องสะอาดและแห้ง จะช่วยให้เก็บผักได้นานขึ้น 5-7 วัน กลุ่มผักที่เก็บได้ในระยะเวลาจำากัด เช่น ผักกาดขาว ผักคะน้า มะเขือเทศ และผักอื่นๆ ผักกลุ่มนี้ควรเก็บไว้ในห้องเย็นหรือตู้เย็น โดยผักกินใบ ถั่วลันเตา ถั่วแขก ควรแยกใส่ถุงพลาสติก แล้วเก็บในอุณหภูมิ 7-8 องศาเซลเซียส จะช่วยให้คงความสดได้นานขึ้น กลุ่มผักที่เก็บไว้ได้นานกว่าผักอื่น ผักกลุ่มนี้มักมีเปลือกหนา เช่น ฟัก เผือก มัน ฟักทอง เป็นต้น หากเก็บรักษาระยะสั้น ไม่จำเป็นต้องนำเข้าตู้เย็นหรือห้องเย็น โดยเฉพาะฟักทองและถ้าเก็บไว้ในที่มีอากาศเย็นแห้งมีการถ่ายเทที่ดีจะสามารถเก็บได้นาน2-3 เดือน แต่ถ้าผักถูกใช้ไปบางส่วนแล้วใช้ไม่หมดจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ในตู้เย็น โดยต้องปล่อยให้ผิวรอยตัดแห้งเสียก่อน และเก็บได้นานเพียง 1สัปดาห์เท่านั้น และผักหัวประเภทแครอท หัวผักกาด ควรตัดใบออกให้หมดก่อนเก็บ มิเช่นนั้นจะทำให้ความหวานในหัวผักลดลง
-
วางระบบ เกษตรอินทรีย์ เลือกซื้อเป็นผักเกษตรอินทรีย์ smart farmer ออร์แกนิค organic
จะรู้ได้อย่างไรว่าผักที่เลือกซื้อเป็นผักเกษตรอินทรีย์ของแท้ พืชผักเกษตรอินทรีย์ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจะได้ใบรับรองแปลงผลิตพืชอินทรีย์จากหน่วยงานกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้เครื่องหมาย “ออร์กานิกไทยแลนด์” (Organic Thailand) ซึ่งรับรองผลผลิตในระดับการค้าภายในประเทศ และสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภายใต้เครื่องหมาย มกท. ที่มีเครื่องหมาย “IFOAM Accredited” ซึ่งรับรองผลผลิตในระดับการค้าระหว่างประเทศ
-
วางระบบ เกษตรอินทรีย์ รู้จักกับผักปลอดสารประเภทอื่นๆ smart farmer ออร์แกนิค organic
รู้จักกับผักปลอดสารประเภทอื่นๆ ผักปลอดภัยจากสารเคมี(Pesticide Free) หรือเรียกว่า “ผักปลอดสารพิษ” ตามท้องตลาด เน้นการควบคุมการใช้สารเคมีในการปลูก โดยไม่ใช้สารเคมีในการจำกัดแมลง แต่ยังคงใช้ปุ๋ยเคมีและฮอร์โมนเร่งผลผลิต แต่เป็นสารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ผลผลิตจะมีสารเคมีตกค้างไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยมีหน่วยงานรับรองมาตรฐานจากกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผักอนามัย(Pesticide Safe) หรือ “ผักกางมุ้ง” มีการใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อการเจริญเติบโต และใช้สารจำกัดแมลง แต่เป็นสารเคมีที่มีพิษตกค้างในระยะสั้นและหยุดฉีดพ่นสารเคมีก่อนการเก็บเกี่ยวตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยใช้กางมุ้งหรือใช้ตาข่ายปลูก และปลูกแบบไม่ใช้มุ้ง แต่เน้นการป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน คือเน้นปลูกผักตามฤดูร่วมกับผักประเภทกะหล่ำปลี ที่ช่วยลดการระบาดของแมลง ส่วนการรับรองมาตรฐานจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับผักปลอดสารพิษ ผักไฮโดรโปนิกส์(Hydroponics) เป็นผักปลอดสารที่ปลูกโดยใช้น้ำแทนดิน ด้วยการผสมอาหารที่จำเป็นของพืชลงในน้ำ รากพืชที่สัมผัสน้ำจะดูดซึมสารอาหารมาสะสมไว้ที่ใบ ส่วนรากที่ไม่สัมผัสน้ำจะทำหน้าที่รับออกซิเจน ซึ่งยังคงมีการใช้สารเคมีและฮอร์โมนในกระบวนการเพาะปลูก ดังนั้น ผักปลอดสารเคมีหรือผักปลอดสารพิษทั่วไปตามท้องตลาด จึงไม่ได้หมายถึงผลผลิตที่ไร้สารเคมีและสารกำจัดศัตรูพืช แต่สามารถมีสารเคมีตกค้างได้ไม่เกินระดับมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากผักเกษตรอินทรีย์หรือผักออร์แกนิกที่จะไม่มีการใช้สารเคมีในทุกระบบขั้นตอนการผลิต