การปฏิบัติเพื่อลดความเสียหายของผักหลังการเก็บเกี่ยว
- เทคโนโลยีการปลูก เริ่มจากการคัดเลือกพันธุ์ที่ดีและมีคุณภาพมาเพาะปลูก การเตรียมดิน การให้น้ำ การใส่ปุ๋ย การป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
- เก็บเกี่ยวผักที่มีคุณภาพและขนาดตามความต้องการของตลาดหลังการตัดควรเก็บไว้ในภาชนะที่มีการระบายอากาศดี สะดวกต่อการขนย้ายระหว่างการตัดแต่งและการทำความสะอาดควรทำในที่ร่มเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำ ในการเก็บเกี่ยวต้องระวังให้พืชเกิดบาดแผลให้น้อยที่สุดเพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น
- ภาชนะที่บรรจุ เลือกวัสดุให้ตรงกับความต้องการของตลาดทั้งในรูปของการขายส่งและขายปลีก การวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าตลอดจนส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
- ในระหว่างการเก็บรักษาเพื่อรอการขนส่ง ควรเก็บไว้ในที่ร่มมีการถ่ายเทอากาศดี เพื่อไม่ให้ผักที่เก็บเกี่ยวมาเกิดความร้อนสะสม ซึ่งจะทำให้ผักเหี่ยวเฉา
- ผักที่ต้องการจำหน่ายไปยังต่างประเทศ ควรเก็บไว้ในที่เย็นเพื่อยืดอายุการวางจำหน่ายให้นานขึ้น พาหนะในการขนส่งควรใช้พาหนะที่สามารถทำความเย็นได้และควรเปิดให้เย็นก่อนขนย้ายผักเพื่อให้ผักได้รับความเย็นอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ
- การเคลือบผิว ผักบางชนิดที่มีการคายน้ำสูงทำให้ผิวเกิดการเหี่ยวย่นและสูญเสียน้ำหนักได้ง่าย การเคลือบผิวด้วยสารเคลือบผิวจะทำให้ไม่สูญเสียน้ำหนักและดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น เช่น พริกหวานมะเขือเทศ เป็นต้น
- การใช้อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสม ผักแต่ละชนิดต้องการอุณหภูมิในการเก็บรักษาต่างกัน ความชื้นสัมพัทธ์ในการเก็บรักษาผักมีความสำคัญสำหรับการรักษาคุณภาพของผัก ซึ่งผักส่วนใหญ่จะเก็บในที่มีความชื้นสัมพัทธ์ 95-100% ยกเว้นผักบางชนิดที่ไม่ควรเก็บในที่มีความชื้นสัมพัทธ์เกิน 65-70% ได้แก่ หอม กระเทียม