smart farm เกษตรอัจฉริยะ

เกษตร smart farm thailand ผลไม้ ชมพู่ ขั้นตอน การปลูก การดูแล รักษา

เทคนิคการปลูกและดูแลรักษาชมพู

  1. การเตรียมการก่อนปลูก
    การเตรียมดิน
    แบบยกร่อง ยกร่องกว้างประมาณ 3 เมตร ร่องนำ กว้าง 1 – 1.50 เมตร มีแนวชายร่อง
    ข้างละ 0.50 เซนติเมตร ควรตากดินไว้ 1 เดือน แล้วจึงพลิกหน้าดินซึ่งเป็นดินล่างลงไปอยู่ด้านล่าง และดินบน ซึ่งถูกทับอยู่กลับมาอยู่ด้านบนตามเดิม ช่วงพลิกดินสามารถทำการปรับสภาพดินโดยใส่ปูนขาวและใส่ปุ๋ยคอกลงไปในดินได้เลย ระยะปลูกห่างกันต้นละ 4 เมตร
    แบบไม่ยกร่อง ควรไถพรวนพร้อมทำการปรับสภาพดินและใส่ปุ๋ยคอก ระยะปลูก
    4 x 4 เมตร หรือ 6 x 6 เมตร แล้วแต่สภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินด้วย ถ้าดินอุดมสมบูรณ์ควร
    ปลูกระยะ 6 x 6 เมตร

การเตรียมพันธุ์
ใช้ต้นพันธุ์ชมพู่ที่ได้จาการตอนกิ่ง หรือปักชำ สามารถให้ผลผลิตได้ตลอดปี พันธุ์ที่นิยมได้แก่ ทับทิมจันทร์ เพชรสุวรรณ เพชรสายรุ้ง เพชรสามพราน เพชรชมพูพล เป็นต้น

  1. การปลูก
    2.1 ใช้ต้นพันธุ์ชมพู่ที่ได้จากการตอนกิ่ง หรือปักชำ
    2.2 ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน
    2.3 ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้างและลึกประมาณ 50 x 50 x 50 เซนติเมตร
    2.4 ผสมดินปุ๋ยคอก จำนวน 5 กิโลกรัม และปุ๋ยร็อคฟอสเฟต จำนวน 500 กรัม เข้าด้วยกันในหลุมให้สูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
    2.5 ยกถุงกล้าต้นไม้วางในหลุมโดยระดับของดินในถุงสูงกว่าระดับดินปากหลุมเล็กน้อย
    2.6 ใช้มีดที่คมกรีดถุงจากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุงทั้ง 2 ด้าน (ซ้ายและขวา)
    2.7 ดึงถุงพลาสติกออก โดยระวังอย่าให้ดินแตก
    2.8 กลบดินที่เหลือลงในหลุม
    2.9 กดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น
    2.10 ปักไม้หลักและผูกเชือกยึด เพื่อป้องกันลมโยก
    2.11 หาวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้น เช่น ฟางข้าว หญ้าแห้ง
    2.12 รดน้ำให้ชุ่ม
    2.13 ทำร่มเงา เพื่อช่วยพรางแสงแดดด้วยทางมะพร้าวหรือตาข่ายพรางแสง
  2. การดูแลรักษา
    3.1 การใส่ปุ๋ย ปริมาณการใช้ปุ๋ย ครั้งละประมาณ1 – 2 กิโลกรัมต่อต้น สำหรับต้นชมพู่อายุ 8 ปี และเพิ่มปริมาณมากขึ้นตามอายุและทรงพุ่ม
    – บำรุงต้น ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-16 หรือ 15-15-15
    – สร้างตาดอก ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 12-24-12 หรือ 8-24-24
    – บำรุงและขยายขนาดผล ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16
    – ปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21
    3.2 การให้น้ำ
    – ระยะเริ่มปลูกควรให้น้ำวันละครั้ง
    – ระยะก่อนติดผล ควรให้น้ำ 5 – 7 วันต่อครั้ง โดยให้แต่ละครั้งจนดินมีความชุ่มชื้นเต็มที่
    – ระยะติดผลควรให้น้ำ 2 – 3 วันต่อครั้ง ถ้าดินเก็บความชื้นไม่ดีควรให้ทุกวันหรือวันเว้นวันควรให้น้ำเต็มแอ่งรอบต้น และควรหยุดให้น้ำก่อนเก็บผลประมาณ 7 – 10 วัน เพื่อให้ชมพู่มีความหวานขึ้น
    3.3 การปฏิบัติงานอื่นๆ
    – การตัดแต่งกิ่งจะนิยมทำการตัดให้สูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร เพื่อง่ายต่อการเก็บการจัดทรงพุ่ม การห่อผล และการตัดแต่งกิ่งหลังจากการเก็บผลผลิตแล้ว
    – การห่อผลเมื่อดอกบานแล้ว 5 – 7 วัน ให้ทำการตัดแต่งผลให้เหลือ 3 – 5 ผลต่อช่อและทำการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา ก่อนห่อผลประมาณ 2 วัน ใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว ขนาด 6 x 11 นิ้ว หรือ 6 x 14 นิ้ว เจาะรูขนาดเล็กข้างถุงประมาณ 8 รู หลังจากห่อแล้ว 25 – 30 วันสามารถเลือกเก็บผลผลิตได้ นอกจากจะป้องกันแมลงวันทองแล้ว ยังช่วยให้ผลมีสีสวยด้วย
  3. การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
    4.1 ระยะติดผลให้ป้องกันโรคแอนแทรคโนสหรือผลเน่า
    4.2 แมลงวันทอง ป้องกันโดยการห่อผล
    4.3 หนอนแดงจะเจาะกินผลในช่วงดอกตูม
    4.4 เพลี้ยไฟกัดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อน ยอดอ่อน ช่อดอก
  4. การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
    5.1 การเก็บเกี่ยว เริ่มเก็บเกี่ยวได้หลังจากดอกบานแล้ว 30 – 35 วัน หรือ 25 – 30 วันหลังห่อผล ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้า โดยสังเกตลักษณะผิว โดยสีผิวจะเปลี่ยน และมีผลขนาดใหญ่ขึ้นควรใช้กรรไกรตัดบริเวณขั้วในที่มือเอื้อมไม่ถึง หรือใช้ตะกร้อผ้าทำเป็นถุงรองรับผล และที่สำคัญคืออย่าให้ผลผลิตช้ำหรือเสียหาย
    5.2 การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว นำมาไว้ในโรงเรือน พร้อมทั้งทำความสะอาด และคัดขนาดผลโดยเลือกผลที่เน่าเสีย หรือไม่มีคุณภาพ จากนั้นนำไปบรรจุลงในเข่งหรือตะกร้าที่บุพื้นด้วยใบตองเพื่อป้องกันผลช้ำ
    5.3 การเก็บรักษา
    – ถ้าเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15 – 17 องศาเซลเซียส จะเก็บได้ประมาณ 10 -15 วัน
    – กรณีส่งออกจะเก็บอุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส เก็บได้ประมาณ 30 วัน